welcome-iphone-x-iphone8-iphone8-plus

เปิดตัวกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ iPhone ทั้ง 3 รุ่น ได้แก่ iPhone X, iPhone8, iPhone8 Plus ซึ่งมาพร้อมกับดีไซน์ใหม่หน้าจอไร้ขอบ ซึ่งเปิดตัวในงาน  Apple Special Event 2017 วันที่ 12 กันยายน 2560 ที่ผ่านมา

สำหรับ iPhone X แล้ว ตัวเครื่องก็คือจอภาพนั่นเอง และหน้าจอ Super Retina หน้าจอความละเอียด 2436 x 1125 พิกเซล ความหนาแน่น 458 ppi ขนาด 5.8 นิ้วแบบใหม่หมดนี้ ก็ไม่ใช่แค่ทั้งใหญ่เต็มมือ แต่ยังสวยเต็มตาด้วยเช่นกัน ใช้เทคนิคและเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการทำให้ จอภาพโค้งรับกับดีไซน์แบบโค้งอย่างแม่นยำ ไปจนจรดมุมมนทั้งสี่อย่างสวยงามลงตัว

 
รองรับการแสดงวิดีโอแบบ HDR ด้วยมาตรฐาน HDR10 และ Dolby Vision ตัวเครื่องมีขนาด 143.6×70.9×7.7 มิลลิเมตร น้ำหนัก 174 กรัม   ชิปเซ็ตประมวลผล 64-bit Hexa-Core Apple A11 หน้าจอแสดงผลเคลือบสารกันรอยนิ้วมือ หน่วยความจำภายในตัวเครื่องขนาด 64 GB หรือ 256 GB กันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP67

 
กล้องด้านหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล, ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.2 และบันทึกวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด Full HD ถ่ายเซลฟี่สวยๆ ให้ใบหน้าของคุณคมชัด ในขณะที่ฉากหลังเบลออย่างสวยงาม กล้องด้านหลังแบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, ใช้งานเลนส์ Wide และ Telephoto, ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.8 และ F/2.4, ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบคู่ (Dual-OIS), ไฟแฟลชแบบ Quad-LED, Optical Zoom, ถ่ายวิดีโอ Slow Motion ได้ในความละเอียดสูงสุดที่ 1080p 240fps กล้อง TrueDepth จะวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อที่แตกต่างกันกว่า 50 รูปแบบเพื่อจำลองการแสดงออกทางใบหน้าของคุณบน Animoji ที่มีให้เลือก 12 แบบ คราวนี้จะอยาก เป็นแพนด้า หมู หรือหุ่นยนต์ก็เป็นได้เลย

 
Face ID ระบบการยืนยันตัวตนแบบใหม่ ปลอดภัยมากขึ้น ใบหน้าของคุณคือรหัสผ่าน และ Face ID ก็คือวิธีใหม่ที่ให้คุณปลดล็อคและยืนยันตัวตน ได้อย่างปลอดภัย Face ID ทำงานโดยอาศัยกล้อง TrueDepth และสามารถตั้งค่าได้ง่ายๆ โดยกล้องนี้จะฉาย และวิเคราะห์จุดแสงที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่ากว่า 30,000 จุด เพื่อสร้างแผนผังโครงสร้างใบหน้าของคุณในแนวลึกอย่างแม่นยำ

 
การชาร์จแบบไร้สาย สำหรับโลกไร้สาย เมื่อไม่ต้องใช้สายชาร์จ iPhone X ก็คือโทรศัพท์ที่ออกแบบมาเพื่ออนาคตแห่งโลกไร้สายอย่างแท้จริง สามารถชาร์จกับแท่นชาร์จและแผ่นรองชาร์จแบบไร้สายตามโรงแรม ร้านกาแฟ และ สนามบินต่างๆ ทั่วโลกได้ ขอแนะนำแผ่นรองชาร์จ AirPower เพียงแค่วาง iPhone, Apple Watch และ AirPods ไว้ตรงไหนก็ได้บนแผ่นรอง แค่นี้คุณก็สามารถชาร์จแบบไร้สายได้แล้ว แผ่นรองชาร์จแบบไร้สายที่ใช้งานร่วมกันได้จำหน่ายแยกต่างหาก